ชีวิตอ่อนไหว - ชีวิตอ่อนไหว นิยาย ชีวิตอ่อนไหว : Dek-D.com - Writer

    ชีวิตอ่อนไหว

    เรื่องสั้นๆที่ได้แรงบันดาลใจจากช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของผม ตั้งใจเขียนให้สะท้อนสังคมเล็กน้อยครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    371

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    371

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.พ. 49 / 18:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ในเช้าวันจันทร์ ช่วงเดือนฤดูหนาวของปี กอ นิสิตหนุ่มปี 2 มหาวิทยาลัยดังมาที่คณะแต่เช้า เขาไม่รู้สึกแปลกใจที่ไม่เจอใคร เพราะเขารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันเตรียมงานนิทรรศการวิชาการที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเรื่อยๆ ทางมหาวิทยาลัยได้ออกคำสั่งให้หยุดการเรียนการสอนสำหรับการเตรียมงาน อากาศกำลังอยู่ในสภาวะที่เย็นสบายๆ เขาเดินตามทางมายังอาคาร 1 ของคณะ กอได้เอาการบ้านที่อาจารย์สั่งไว้เมื่อวันศุกร์มาส่ง เขาเดินเข้าไปในอาคารและไม่แปลกใจเลยที่เจอกับเอกและผัก เอกเป็นเพื่อนที่เรียนเก่งในกลุ่มของเขา การบ้านของเขามักจะเป็นต้นฉบับสำหรับเพื่อนๆอยู่เสมอ ส่วนผักนั้น แม้จะชื่อแปลกหน่อย แต่จริงๆแล้วมาจากผักกาด แต่ไม่มีใครอยากเรียกเขาว่ากาด เพราะมันฟังดูดีเกินไป ผักเองก็ชินแล้วกับชื่อที่เพื่อนๆเรียก ทุกคนเลยเรียกกันเป็นปกติ

                      โห มาแต่เช้าเลย กอเอ่ยขึ้น

                      เอกหันขวับไปมอง เออ มาแต่เช้าแล้วผิดตรงไหนวะ

                      ไม่ผิดๆ ว่าแต่ส่งงานกันยัง กอรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างฉับไว

                      ผักหัวเราะขึ้นเบาๆพร้อมตอบแทนเอก เฮ้ย อย่างมันมีเราะจะยังไม่ส่ง เราว่ามันมารอตั้งแต่เช้ามืดแล้วว่ะ ว่าแล้วผักก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

                      เออ เรามาตั้งแต่เช้ามืดจริงๆ มาปั่นการบ้านกันตรงนี้แหละ เอกสวนกลับ ทำเอาผักหยุดหัวเราะไปเลย

                      เอาเหอะ เราเอาไปส่งเลยละกัน กอเดินเอาการบ้านเข้าไปส่งหน้าห้องอาจารย์

                      ทั้งสามคนเดินออกจากอาคาร 1 ไปยังโรงอาหาร พวกเขาได้ไปหาข้าวกินกันหน่อย ก่อนที่คนจะเริ่มมาทำงานและทำให้โรงอาหารเริ่มแน่น เอกขอกลับบ้านไปก่อนทันทีที่กินเสร็จ เหลือไว้เพียงแต่ผักและกอ

                      นี่แกจะไปทำงานรึเปล่า กอถามขึ้นหลังนั่งเล่นซักพัก

                      ตอนนี้ขี้เกียจว่ะ ผักตอบโดยไม่หันมา เราจะไปเดินเล่นจนกว่าจะมีอารมณ์ละกัน

                      ว่าแล้วผักก็เดินจากไป ทิ้งกอเอาไว้คนเดียว แต่กอก็ไม่ว่าอะไรเพราะว่าตอนนี้คนมากันจนเริ่มจะคึกคักละ กอเดินออกจากโรงอาหารไปยังซุ้มที่ทำโมเดล ไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบทำงานแบบนี้นักหรอก กอไม่ชอบงานที่ต้องเปื้อนๆหรือลุยๆ การทำโมเดลต้องยอมเปื้อนสีพอสมควร แต่จริงๆเขามีเหตุผลของเขาเองที่จะมาที่ซุ้มนี้

                      แพท กอเรียกขึ้นเมื่อเขาเดินมาถึงซุ้ม

                      เจ้าของชื่อมองขึ้นมาจากกลุ่มเพื่อนๆที่กำลังวุ่นกับการลงสีโมเดล เธอแม้ว่าจะดูไม่เด่นนักในคณะนี้ ไม่ได้สวยเลิศเลออะไร แต่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ดึงให้กอเข้ามาที่นี่ได้ คนอื่นๆมักเรียกเธอว่าป้า แต่กอไม่ชอบเลยที่คนอื่นเรียกอย่างนั้น แม้ว่าเขาเองจะรู้เหตุผลว่าทำไม แต่เขาก็ไม่ชอบจะเรียกเธออย่างนั้น เขาชอบที่จะเรียกเธอต่างจากคนอื่นๆ เพราะว่าเขาเองรู้สึกว่าตัวเองต่างจากคนอื่น

                      ด้วยความชอบที่ไม่เหมือนคนอื่น ทำให้เขาไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆมากนัก และการที่เขาถนัดซ้าย ยิ่งทำให้เขาแปลกกว่าคนอื่นมากขึ้น บ่อยครั้งที่กอรู้สึกว่าตัวเองต่างจากคนอื่นมากเกินไป แต่ว่าก็มีคนคอยบอกเขาว่านั่นเป็นความพิเศษในตัวของเขา ก็ยังพอให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง

                      ว่าไง แพทเอ่ยขึ้น

                  ก็ทักทายเฉยๆแหละ กอดูลังเลนิดๆ แล้วก็หันมาหาแพท มีไรให้ช่วยมั้ย

                      แพทชี้ไปที่พวกที่กำลังลงสีกันอยู่ กอก็พยักหน้ารับเบาๆแล้วลงไปนั่งกับพวกนั้นทันที ในหัวของเขาคิดเพียงแต่ว่า เขายินดีที่จะทำ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆกับแพทและสนิทกับเธอมากขึ้น เขายังไม่อยากเร่งอะไรมากนัก เพราะว่าในอดีต เขาเจอแต่อะไรร้ายๆเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะ กอคอยมองดูเธอสลับกับช่วยลงสี มันก็เป็นงานที่น่าทำอยู่เหมือนกัน แม้กอเองนั้นชอบวาดรูปแต่ไม่ชอบลงสี เขาคิดว่าพอเขาลงสีแล้ว รูปจะออกมาไม่สมจริง ทำให้เขาไม่ชอบภาพที่เขาลงสี แต่การมาเห็นโมเดลที่ทำเสร็จแล้วดูสมจริง เขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นงานที่น่าสนใจ

                      ส่วนใหญ่ของโมเดลที่ทำเสร็จเป็นของแพท เขารู้ว่าเธอชอบทำงานศิลป์ กอรู้สึกพอใจเวลาได้เห็นแพทมาทำงานที่เธอชอบ เห็นเธอมีความสุข ระหว่างการทำงานเขาก็เข้าไปคุยกับเธอเป็นครั้งเป็นคราวเกี่ยวกับชิ้นงานแต่ละชิ้น บางทีก็อาจจะโยงไปยังเรื่องอื่นบ้างเล็กน้อย

                      กอรู้จักแพทตั้งแต่ปี 1 ตอนช่วงรับน้อง และได้ติดต่อกันมาตลอด พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาเรื่อยๆ จนช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา กอมาช่วยเตรียมงานเล็กน้อยและแพทได้ชวนเขาไปติดต่องานด้วยกันครั้งหนึ่ง ซึ่งหลังจากติดต่อเรื่องงานแล้ว กอก็ส่งแพทขึ้นรถกลับบ้าน จากเหตุการณ์นั้น ทำให้กอเริ่มมีความรู้สึกกับแพทมากขึ้น

                      ตะวันเลื่อนไปช้าๆอยู่บนฟ้า ส่องแสงอันอบอุ่นลงมายังผืนดิน มันเคลื่อนจากทิศตะวันออกมาจนกลางหัวเยื้องๆทางใต้เล็กน้อยในฤดูหนาว กอทาสีฐานโมเดลเสร็จไปอีกอันหนึ่ง แพทเดินเข้ามายังซุ้มหลังจากไปหยิบของที่ล็อคเกอร์ กอรีบลุกขึ้นทันใดแล้วเดินเข้าไปหา

                      ไปกินข้าวกันมั้ย กอถามขึ้น

                      แพทมองกอชั่วขณะแล้วตอบกลับมา เดี๋ยวเราไปกินกับเพื่อนเราน่ะ

                  กอรู้ว่าแพทจะไปกินข้าวกับเพื่อนๆกลุ่มที่มาจากโรงเรียนเก่าของเธอ ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ก็ไม่น่ากังวลใจเท่าไร เขาไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาตัดหน้าชิงเธอไป แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าคิดมากแต่อย่างใด คิดมากไปก็ทำให้ตัวเองบ้าไปเปล่าๆ แถมจะเป็นการบ่มเพาะนิสัยหึงหวงซึ่งไม่ดีอย่างมากอีกด้วย ยังไงก็ตาม ลึกๆแล้วนั้น กอก็ผิดหวังเหมือนกัน เขาเคยชวนแพทหลายต่อหลายครั้ง เธอก็ปฏิเสธเกือบตลอด แม้ว่าจะนุ่มนวล แต่กอก็ยังคงรู้สึกผิดหวังอยู่ทุกครั้ง เขาหวังมากไปหรือเปล่า

                      กอเดินไปยังโรงอาหาร เขากินอาหารโปรดของเขา ผัดซีอิ๊วของร้านที่อร่อยที่สุดในคณะ เขาเลือกเวลาหลังเที่ยงซักชั่วโมงหนึ่งเพื่อมิให้คนแน่นมากนัก จะได้ไม่ต้องรอร้านทำนานนัก เขามากินคนเดียวอีกแล้ว ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา กอรู้สึกพอใจที่เขามีเพื่อนกินข้าวเกือบทุกวัน แต่ว่าการที่เขามากินข้าวคนเดียว ทำให้เขานึกถึงสมัยมัธยมปลายที่เขามีปัญหา มีหลายเรื่องเหลือเกินที่เขาอยากจะลืม แต่มันก็ลืมไม่ลง เขาได้ทำใจที่จะอยู่กับมันและดีใจที่ผ่านพ้นมันมาได้เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย

                      กอออกจาโรงอาหารแล้วมาทำงานอีกครั้ง คราวนี้งานโมเดลนั้นไม่มีอะไรเหลือให้ทำมากนัก เพราะส่วนใหญ่ก็เสร็จๆกันแล้ว บวกกับที่แพทเดินไปเดินมาบ่อยๆ กอจึงมาหาเพื่อนที่กำลังทำเวทีกับอยู่ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเขาก็ร่วมอยู่ด้วย นั่นคือตัน ผู้ซึ่งดูจะคล้ายๆกับกอมากที่สุด ทั้งในด้านนิสัยและการกระทำ ตันกับกอเจอกันตอนปี 1 เพราะเรียนด้วยกันทุกวิชา เพียงแต่ปี 2 ทั้งสองจะหายหน้าหายตากันไปบ้างก็ตาม ความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน กอก็ร่วมวงทำเวทีไปด้วย

                      เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมาจังเลยว่ะ กอเอ่ยขึ้นกับตัน

                      อดถ่ายรูปลีดล่ะสิ ตันพูดเชิงล้อๆ กอเคยแอบมองสาวซึ่งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะอยู่บ่อยๆในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ แต่ลีดคนนั้นก็มีแฟนแล้ว กอจึงไม่ได้สนใจ

                      เหอะ จะไปสนได้ยังไง มีแฟนแล้วนิ กอตอบไป เราสนใจคนอื่นมากกว่า

                      ตันมองหน้ากอแล้วพูดขึ้นเบาๆ เราพอเดาได้จากท่าทางแกว่าใคร

                      กอหันไปมองหน้าตันด้วยสายตาสงสัย ตันก็เข้ามาใกล้ๆแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ป้าใช่มั้ยล่ะ

                      ป้าไหน กอแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้

                      รู้ๆกันอยู่ ตันหันกลับไปตอกตะปูและหัวเราะในลำคอ

                      กอเองก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้ รู้ไปก็คงไม่เป็นไรหรอก กอนึกแล้วทำงานต่อไป

                      ตะวันคล้อยลงต่ำสู่ทิศตะวันตกในที่สุด กอขึ้นรถกลับบ้านทางเดียวกันตัน จึงออกเดินมาด้วยกัน ระหว่างทางก็มีล้อกันประสาเพื่อนๆบ้างเป็นครั้งคราว ในที่สุดพวกเขาก็ต่างแยกทางกันเดินทางกลับบ้าน กอไม่ชอบการเดินทางกลับบ้าน เพราะว่าบ้านของเขาอยู่ไกล เสียเวลาเดินทางนานแสนนาน ตันลงรถก่อนกอนานพอสมควร กอต้องเดินทางต่อโดยรู้สึกเดียวดายตลอดทุกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาได้เอาหนังสือที่เขาชอบอ่านตอนใหม่พกมาด้วย คนอื่นทั่วไปคงไม่อ่านอะไรแบบนี้ แต่อย่างว่าล่ะ กอไม่เหมือนคนอื่น เขาชอบการอ่านตั้งแต่เด็ก เพราะว่าพ่อแม่เคยอ่านหนังสือให้ฟังเสมอๆในวัยเด็กของเขา

                      กอถึงบ้านเย็นๆและไปว่ายน้ำที่สโมสรหมู่บ้านในช่วงค่ำ แถมอยู่สังสรรค์กับพวกชมรมกีฬาในหมู่บ้านกันอีก ก็เลยกลับบ้านดึกหน่อย ยังดีที่สัปดาห์นี้ไม่มีเรียน ทำให้เขาสามารถทำแบบนี้ได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องการบ้านซักเท่าไร ทุกอย่างในวันนี้จบลงในที่สุด

       

                      เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น เขาออกเดินทางฝ่ารถติดยามเช้าอันเป็นเรื่องธรรมดาของเมืองใหญ่ เขาได้ฟังวิทยุไประหว่างทาง ทุกอย่างในวันนี้ดูจะปกติและสดใสเช่นเคย กอหลับตาพักสายตาแม้ว่าใจของเขาจะหลับไม่ลง เขาฟังวิทยุไปเรื่อยๆ รถก็วิ่งไปเรื่อยๆจนใกล้จะถึงที่หมาย อะไรบางอย่างในวิทยุก็สะดุดหูของเขา

                      เหตุการณ์รถบรรทุกชนท้ายรถเก๋งเสียหายยับเยินเมื่อวานตอนค่ำ เขาไม่ได้ฟังข่าวเมื่อวานค่ำ แต่มาฟังรายการวิทยุที่อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ตอนเช้าให้ฟังแทน บนรถเก๋งมีพ่อกับลูกสาวอยู่ เขาได้ยินนามสกุลแล้วถึงกับตาโต กอแทบจะไม่เชื่อตัวเอง ทั้งพ่อกับลูกสาวเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัสอย่างยิ่ง โดยเฉพาะลูกสาว แพทย์ยังไม่ขอให้ข่าว เพราะกำลังพยายามทำการผ่าตัดครั้งที่ 2 หลังจากทำการผ่าตัดรอบแรกไปเมื่อคืน กอรีบหยิบมือถือและโทรไปยังเบอร์ที่เขาเคยขอไว้จากคนๆนั้น

                      ขอต้อนรับเข้าสู่บริการฝากหมายเลขโทรกลับ... กอกดวางสายทันที

                      เขาไม่รอช้าและรีบกดโทรเข้าเบอร์บ้านต่อ เสียงดังหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสาย ความกลัวพุ่งปราดเข้าสู่เส้นเลือดและจิตใจของเขา กออยากจะร้องออกมาดังๆ ด้วยมือที่สั่น เขาส่งข้อความไปบอกข่าวกับตันและรีบลงรถทันทีที่ถึงมหาวิทยาลัย กอแทบจะร้องไห้ออกมา เขาเคยเป็นคนอ่อนไหวอย่างมากในอดีต แต่ก็ไม่มีใครในสังคมนี้คิดจะสนใจหรอก เขาไม่ได้เดินเข้าไปในบริเวณที่เตรียมงาน แต่กลับเดินขึ้นอาคาร 1 ไปจนถึงชั้น 5

                      ไม่นานมานี้มีข่าวนิสิตโดดตึกติดต่อกันถึง 2 ครั้ง กอนึกถึงเรื่องนั้นแล้วเดินไปยังระเบียงตึกด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขาไม่ร้องออกมาซักคำ กอเดินตรงไปยังขอบระเบียง สายตามองลงไปเบื้องล่าง เขาโดดข้ามรั้วกั้นออกไปยังชายคาพร้อมกับนั่งลง ผู้คนที่ผ่านไปมาเบื้องล่างมองเห็นเขาแล้วตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ แต่กลับไม่มีใครเลยคิดที่จะวิ่งเข้ามาดึงเขาออกจากตรงนั้น ผู้คนมัวแต่ดูและลุ้นว่าคนที่อยู่ตรงที่กอจะกระโดดลงมาหรือไม่

                      เสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากทางบันได เคล้าปนไปด้วยเสียงฝีเท้ากำลังวิ่ง แต่ในใจของกอตอนนี้แทบจะว่างเปล่า เขาไม่สนคนเบื้องล่าง ไม่สนคนที่กำลังขึ้นบันไดมา ไม่สนอะไรทั้งนั้นนอกจากข่าวที่ดังก้องอยู่ในหู มันเหมือนกับมีดที่กรีดแทงหัวใจของเขา ทุกอย่างที่ดีในชีวิตเหมือนถูกพรากไปจากใจของเขาในชั่วพริบตา แสงสว่างแห่งชีวิตที่เคยส่องสว่างนำทางให้เขาในยามที่ชีวิตมืดมิดดับลงเสียหมด

                      ในวินาทีนั้นเอง กอลุกขึ้นยืนและตัดสินใจ......

       

       

      ความหวังเป็นก้าวแรกสู่เส้นทางแห่งความผิดหวัง

      แต่ชีวิตของคนเราก็ไร้ค่า ถ้าปราศจากความหวัง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×